เครื่อง DTG ( Digital To Garment) ที่พิมพ์ได้ทุกประเภทผ้า
ฟังไม่ผิดหรอกครับเครื่อง DTG ทุกวันนี้สกรีนผ้าได้ทุกประเภทแล้ว
จะว่าไปแล้วถ้าพูดถึงเครื่อง DTG เมื่อ 7-8 ปีที่แล้วก็ถือว่าเป็นดาวดวงใหม่แหล่งวงการสกรีนเลยที่เดียวเนื่องเป็น Digital ไม่ต้องทำบล็อกสกรีน หนึ่งตัว หนึ่งลายก็สกรีนได้เลย ตามคอนเซ็ป ของดิจิตอลปริ้น และที่สำคัญสามารถสกรีนได้หลากหลายสี เพราะไม่ได้ถูกจำกัดเรื่องบล็อกสกรีน ทำให้ดีไชด์เนอร์ออกแบบได้ไม่จำกัด และผลงานที่ได้ออกมาสวยด้วย
ตลอดเวลาที่ผ่าน DTG พัฒนาไปทางด้านใดบ้าง
- DTG Brother
- DTG Epson
- การพิมพ์ผ้าคอตตอน 100% (Cotton 100%) หรือผ้าเส้นใยธรรมชาติ
- การพิมพ์ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% (Polyester 100%) หรือผ้าเส้นใยสังเคราะ
- การพิมพ์ผ้าผสมระหว่าง คอตตอน และ ผ้าโพลีเอสเตอร์
- การพิมพ์วัสดุอื่น ๆ รวมถึงการพิมพ์ผ้าทุกประเภท
- DTG เมื่อเทียบกับ DTF
- อนาคต DTG
- DTG เหมาะกับใครบ้าง
ประวัติ DTG 7-8 ปีผ่าน
จริงๆ DTG ไม่ได้พึ่งเริ่มมีมาแค่ 7-8 ปีที่ผ่านมา ถ้าย้อนไปก็น่าจะมีมากกว่า 15 ปี ที่มีได้มีเครื่อง Digital to garment เพื่อมาพิมพ์สกรีนลงเสื้อในระบบดิจิตอล ยี่ห้อแรก ๆ ที่ผมได้ยิน และยังพอจำได้ และยังมีจำหน่าย อยู่ก็คือยี่ห้อ Kornit
Kornit Digital To Garment ราคาในสยันนั้นแพงมากน่าจะมี 5 ล้านกว่าบาทในสมัยนั้น ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับวงการสกรีน ราคา 5 ล้านกว่าสำหรับการสกรีนเสื้อยืดได้วันละไม่กี่ตัวต่อ ถือว่าเป็นการลงทุนที่สูงมากเมื่อเทียบกับงานสกรีนแบบดั่งเดิม https://www.kornit.com/our-impact/
แต่ส่วนใหญ่ในสมัยในก็ถือว่าเป็นเครื่องสกรีนที่ดีมาก นำมาผลิตสินค้าตัวต้นแบบก่อนผลิตจริง จริง ๆ ซึ่งก็ช่วยลดระยะเวลาก็ออกสินค้าไปได้เยอะมาก พูดอีกมุมหนึ่งก็คือ ใช้งานได้น้อย พอใช้งานน้อย โอกาสเจอปัญหาของหัวพิมพ์อุดตันบ่อย
และที่สำคัญคือหัวพิมพ์แพงมาก หลักหลายแสน และราคาหมึกพิมพ์สกรีนก็แพงมาก ทำให้คนที่เลือก ลงระบบ DTG ในช่วงนั้นถือว่า เหนื่อย ไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว
หลังจากนั้นก็มี DTG ยี่ห้ออื่นตามมา ไม่ว่าจะเป็น Brother เครื่อง China (Modifier) Richo , AnaJet , R-Jet ,Epson , Roland , (ข้อมูลสินค้าดังกล่าวจากการที่มีในจำหน่ายในไทย) ปัจจุบันก็ ณ วันนี้ที่ยังมีจำหน่ายก็มี Brother และ Epson ที่เป็นผู้เล่นหลัก และยังมีจำหน่ายอยู่พอสมควร ดังนั้นผมจะขอกล่าวถึงแค่สองยี่ห้อ คือ Epson และ Brother เป็นหลักก็แล้วกัน
Brother https://global.brother/th/digest/history อันที่จริงแล้ว Brother ริเริ่มผลิตเครื่อง DTG เป็นรายแรก ๆ ในช่วงเริ่มต้นของตลาด Digital to garment เช่นเดียวกันกะ Kornit ซึ่ง Brother GT541 ก็ถึงว่าเป็นรุ่นแรก ก็มีการพัฒนาสินค้าต่อเนื่อง มาเป็นตระกูล GT3 ที่สามารถพิมพ์หมึกขาว ที่ลงบนผ้าดำได้
หลักจากที่ GT3 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ก็เพิ่มขี้นความสามารถมาเป็น GTX และ GTX-Pro ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหัวพิมพ์แยกออกมาระหว่างหัวพิมพ์ขาว และหัวพิมพ์สีออกจากกัน เพื่อเพิ่มความเร็วในการพิมพ์ และยังช่วยให้หัวพิมพ์ที่มีปัญหามากสุดคือสีขาวสามารถเปลี่ยนเฉพาะหัวที่มีปัญหาออกไปได้ทันที
หลักจากนั้นก็มีอัพดกรด ตัวเครื่องให้สามารถใส่น้ำหมึกได้เยอะขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิตในกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสกรีนเสื้อในปริมาณที่เยอะ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับกลุ่มสกรีนระบบเดิม มาเป็นรุ่น GTX-Pro Bulk Ink ซึ่งตอบโจทย์มากเพราะต้นทุนการสกรีนต่อตัวถูกลงมาก
หลังจากที่ตลาด DTG เริ่มมีความสนใจจากผู้ประกอบการ เป็นอย่างมากเพราะต้นทุนน้ำหมึกก็ถูกมาก และราคาเครื่องก็ไม่แพงเหมือนเมื่อก่อน และการทำงานก็ง่าย และการซ่อมเชอร์วิสก็ไม่ยาก เรียกได้ว่าสะดวกมากๆ เลย ทาง Brother ก็ได้มีการเปิดตัว DTG ที่มีขนาดหน้ากว้างของงานพิมพ์ที่ใหญ่ถึง 61×61 เซนติเมตร ซึ่งตอบโจรย์การสกรีบแบบ OVP เป็นอย่างมาก
Epson SureColor F2000 ถือว่าเป็นรุ่นแรกสำหรับ DTG จากค่ายเอปสัน ด้วยราคาเปิดตัวมากเกือบ 1.2 ล้านเป็น DTG มีขนาดการพิมพ์สกรีน 16×20 นิ้วมาพร้อมน้ำหมึกขาวสกรีนได้ทั้งเสื้อขาว และเสื้อสีเข้มเป็นจนถึงเสื้อสีดำ เน้นการทำงานที่ง่าย User Friendly มาก ๆ
สกรีนได้สวยมาก ๆ เอปสันยังได้ออกน้ำยาสำหรับสกรีนผ้าที่สีเข้ม หรือผ้าสีดำมาด้วย ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก ณ ตอนนั้น เพราะราคาไม่แพง ใช้งานได้เป็นอย่างดี
หลังเปิดตัวเครื่อง DTG F2130 ไปไม่นาน ก็ได้รับความนิยมมากพอสมควร เนื่องราคาเครื่องที่ไม่แพงในราคาเพียง 599,000 ในตอนนั้นถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพงมีเทียบกับยี่ห้อ แต่กระแสเรื่องต้นทุนการพิมพ์ที่ยังสูงอยู่เมื่อเทียบกับงานสกรีน เอปสันก็ได้เปิดตัวเครื่อง F3030 เป็น DTG ที่มีหัวพิมพ์ใหม่ และใช้หัวพิมพ์สองหัวแยก หัวพิมพ์สีขาว และหัวพิมพ์สี แยกเปลี่ยนได้
ที่สำคัญสำหรับเครื่อง DTG Epson SureColor F3030 ยังออกแบบให้หัวพิมพ์นั้น ลูกค้าสามารถถอดเปลี่ยนหัวพิมพ์ได้เอง โดยไม่ต้องให้ช่างเข้าไปทำการเปลี่ยนให้ ซึ่งสะดวกมาก นอกจากนั้นยังมีหัวพิมพ์สำรองมาให้ด้วย รอเปลี่ยนได้ทันที ทันใจ ได้เลย
และเครื่องตัวนี้ยังมาพร้อมความเร็วสูง เพราะเป็นหัวพิมพ์ตัวใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม และอีกประการหนึ่งคือ มาพร้อมความจุน้ำหมึกที่มากขึ้นกว่าเดิมคือ 1.5 ลิตร ทำให้ราคาต้นทุนในการพิมพ์นั้นถูกลงกว่าเดิมกว่าเท่าตัว จึ่งตอบโจทย์สำหรับงานพิมพ์ในอุตสาหกรรม Digital To Garment
หลังจากนั้นไม่นานทางเอปสันก็ได้มีเปิดตัวเครื่อง DTG ตัวใหม่ที่สามารถพิมพ์ได้ทุกประเภทผ้า นั้นคือเครื่อง Epson SureColor F2230 มันทำงานอย่างไรมาดูกัน
1.การพิมพ์ผ้าคอตตอน 100% (Cotton 100%) หรือผ้าเส้นใยธรรมชาติ
โดยปกติแล้ว DTG ( Direct To Garment ) แรกเริ่มถูกออกแบบมาให้สกรีนผ้า Cotton 100% อยู่เนื่องจากสมัยจะเฉพาะเส้นใยธรรมชาติเท่านั้น ก่อนน่าจะมีเส้นใยสังเคราะ แต่การพิมพ์สกรีนผ้า Cotton 100 นั้นในระบบการพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ Ink Jet จะใช้น้ำหมึก
Pigment ที่มีคุณสมบัติไม่ละลายน้ำ มีความคงทน สีไม่ซีดจาก โดยอาสัยการยึดติดอยู่บนเส้นด้าย ด้วยความว่าน้ำหมึกเป็นของเหลว จึงสามารถนำพาเข้าไปอยู่บนเส้นด้ายเป็นอย่างดี และฟิกน้ำด้วยความร้อน
ด้วยน้ำหมึกแทรกซึมไปที่เส้นด้าย จึ่งทำให้ผิวสัมพัสไม่แข็งกระด่าง หรืองานสกรีนลงผ้าทั่วไป แต่ถ้าเรานำไปพิมพ์สกรีนลงบนเสื้อสีดำ จำเป็นต้องหมึกขาวก่อนเนื่องต้องการให้สีไม่จมลงผ้าจะทำให้สีที่พิมพ์ไม่มีรายละเอียด
หรือมองไม่เห็นสีเพราะผ้าสีดำนั้นเข้มกว่า การลงน้ำหมึกสีขาวลงไปก่อนก็จะทำให้งานพิมพ์สกรีน เห็นภาพและสีที่เราต้องการ
แต่การลงหมึกขาวไปที่ผ้า Cotton 100% ก่อนนั้นมีความจำเป็นต้อง มีน้ำยาเพื่อให้น้ำหมึกสีขาวเกาะติดก่อนเสมอ (Pre Treatment Liquid) เพราะถ้าพิมพ์หมึกลงไปตรง ๆ ผ้าจะไม่สามารถรองรับหมึกขาวได้ อาจจะมีการหลุดร่อนออกมา หลังจากนำไปใช้งาน
หรือไม่ก็ในระหว่างตอนพิมพ์สกรีนอาจจะน้ำหมึกขาวที่เป็นของเหลวไหลไปตามเส้นใยของผ้า ทำให้งานออกมาไม่สวยงาม
การลงน้ำยา Pre Treatment นั้นต้องมีขั้นตอนการผสมใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ประเภทที่ใช้งาน อาจจะต้องทดสอบเพื่อหาจุดที่เหมาะสมต้องการพิมพ์
2. การพิมพ์ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% (Polyester 100%) หรือผ้าเส้นใยสังเคราะ
การพิมพ์ผ้าโพลีเอสเตอร์ด้วยเครื่อง DTG Epson SureColor F2230 นั้น สามารถทำได้เนื่องจากทางเอปสันเองนั้นได้มีการพัฒนาน้ำยาสำหรับเคลือบผ้าโพลีเอสก็สามารถพิมพ์ได้ปกติ โดยขั้นตอนการพิมพ์นั้นไม่ได้มีความแต่ต่างจากการพิมพ์สกรีนลงบน Cotton 100 แต่อย่างไร ต่างกันที่น้ำยาที่ใช้เคลือบผ้านั้นคนละตัว กันโดยใช้หมึกเดิม เครื่องเดิม
การสกรีนผ้าโพลีเอสเตอร์ 100 % สามารถสกรีนได้ทั้งผ้าขาว หรือผ้าสีเข้ม ผ้าดำ เหมือนกันกับผ้า Cotton 100 แต่จะต่างกันกับสัดส่วนการผสมน้ำยาในเคลือบ และความร้อน และระยะเวลาในการ Fix ความร้อน
จะพูดง่ายคือหมึก pigment ของเอปสันก็สามารถพิมพ์สกรีนได้ทุกประเภทผ้า เลยทีเดียว
3. การพิมพ์ผ้าผสมระหว่าง คอตตอน และ ผ้าโพลีเอสเตอร์
เนื่องผ้าที่มีจำหน่าย และใช้ในท้องตลาดนั้นมีความหลากหลายประเภทแล้วแต่วัตถุของการนำไปใช้งาน อาจจะมีการผสมกับระหว่างเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะ เพื่อให้ได้คุณสมบัติเด่น ๆ และแตกต่างกันออกไป เรามีวิธีการเลือกสกรีนผ้าง่าย ๆ สองวิธีหลัก
- ถ้าผ้าที่ผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ มากกว่า เส้นใยสังเคราะ ให้เลือกน้ำยาสำหรับเคลือบผ้าที่เป็น Cotton Base
- ถ้าผ้าที่ผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ น้อยกว่า เส้นใยสังเคราะ ให้เลือกน้ำยาสำหรับเคลือบผ้าที่เป็น Polyester Base
- ถ้าเป็นการผสมสัดส่วนที่เท่ากัน 50/50 ให้เลือกเป็น Cotton Base
4.การพิมพ์วัสดุอื่น ๆ รวมถึงการพิมพ์ผ้าทุกประเภท
DTG Epson พิมพ์ได้ทุกประเภทผ้าจริงเหรอ? ตอบ : ใช่ครับ
ทำได้อย่างไร จากข้างต้นที่ผมได้อธิบายไปว่า Epson SureColor F2230 สามารถพิมพ์สกรีนได้ทั้งผ้า Cotton 100% และ ผ้า Polyester 100% รวมไปถึงผ้าผสมด้วย โดยการพิมพ์สกรีนไปที่ผ้าโดยตรงได้เลย
แต่ยังมีอีก ฟีเจอร์ หนึ่งที่มาพร้อมเครื่อง Epson SureColor F2230 คือ DTF ก็คือการพิมพ์สกรีนลงบนแผ่นฟิล์มก่อน (กลับโหมดการพิมพ์) แล้วนำแผ่นฟิล์มนั้นไป Transfer ลงบนวัสดุอื่น หรือผ้าอื่น ๆ ได้โดยการรีดร้อน โดยมีเงื่อนไขว่าผ้าและวัสดุนั้น ๆ ต้องทนความร้อนได้ถึง 150 -170 องศา เท่านั้น
หลักการทำงานของมัน คือ : แทนที่จะพิมพ์สกรีนลงไปที่ผ้าโดยตรง ก็พิมพ์สกรีนลงไปที่แผ่นฟิล์มเลย แต่จะเป็นพิมพ์สีลงไปก่อน แล้วค่อยพิมพ์ขาวตาม ( ถ้าเป็นระบบ DTG จะพิมพ์ขาวรองพื้นก่อนค่อยพิมพ์สีตาม) หลังจากที่พิมพ์ขาวเสร็จแล้วก็นำแผ่นฟิล์ม ไปทำการเคลือบกาว(กาวผง) เสร็จแล้วก็อบกาวให้แห้งติดกับแผ่นฟิล์ม ก็จะได้แผ่นฟิล์ม DTF ( Digital To Film) กฃ
เมื่อได้แผ่นฟิล์มแล้ว ก็สามารถนำแผ่นฟิล์มไปทรานเฟอร์ลงบนผ้าหรือวัสดุ ต่าง ๆ ได้เลย
DTG เมื่อเทียบกับ DTF
ตอนนี้กระแสที่มาแรงคงหนีไม่พ้น DTF หรือ DFT ( การพิมพ์สกรีนบนแผ่นฟิล์มแล้วไปทรานเฟอร์ลงบนวัสดุต่าง) เนื่องจากเป็นงาน Digital ที่สามารถทำเหมือน DTG ทุกอย่าง แต่ความสะดวกคือไม่ต้องพิมพ์ลงบนก่อน ลดความเสียจากกาพิมพ์ลงผ้าโดยตรง นำแผ่นฟิล์มไปสกรีนลงอะไรก็ได้ และส่งแผ่นฟิล์มไปที่ใดก็ได้ ความคมชัดค่อนข้างดี
การที่ DTF ออกมาในตลาดก็ทำให้วงการสกรีนแบบดั่งเดิม ( Block Screen / Silk Screen) ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะ การทำงานที่รวดเร็วกว่า ใช้พื้นที่น้อยกว่า ใช้คนงานน้อย สีก็สวยกว่า ไม่มีข้อจำกัดเรื่องของจำนวนสี
DTG vs DTF ถ้าไม่พูดถึงต้นทุนของทั้งสองระบบแล้ว DTG ก็ยังได้เปรียบ DTF อยุ่พอสมควร มีอะไรบ้างไปดูก่อน
- การพิมพ์ไล่โทน Gradian ตามขอบ หรือพิมพ์ให้ฟุ้งตามระบบได้ดีกว่า ยกตัวการพิมพ์สกรีนควันไฟ ลงบนผ้า DTG จะทำได้ดีกว่า เพราะสามารถใช้หมึกขาวพิมพ์ตรงไปที่ และหมึกก็สามารถยึดที่ผ้าได้เลย พิมพ์จางน้ำหมึกก็ติดจาง ๆ จะแตกต่างจาก DTF จะพิมพ์ขาวจาง ๆ ไม่ได้ เพราะการยึดต้องใช้กาว ถ้าลงสีขาวจาง ก็คือพิมพ์ไม่ติด
- งานพิมพ์สกรีนมีความนุ่มกว่า ผิวสัมผัส จะรู้สึกดีกว่า ไม่แข็งกระด้างเวลาสวมใส่ จะแตกต่างจากงาน DTF เวลาสวมใส่อาจจะรู้สึกว่า ใส่ไม่สบาย อากาศไม่ถ่ายเท
- เครื่อง DTG มีขนาดไม่ใหญ่ ประหยัดพื้นที
- ด้วย DTG ที่มีฟีเจอร์พิมพ์ DTF ได้นั้น จะมีความคนชัดกว่า เพราะไม่ต้องใช้การฟีดกระดาษแบบเครื่อง DTF ขาวก็จะไม่เหลื่อม
- ขั้นตอนน้อยกว่า
- ความคงทน หรืออายุการใช้งานนานกว่า เพราะเป็นการพิมพ์สกรีนลงผ้าโดยตรง และเป็นการที่น้ำหมึกยึดกับผ้าโดยตรง ซึ่งแตกต่าง ๆ จาก DTF คือ ใช้งานกาวยาวยึดติดกับผ้าเมื่อใช้งานไปนาน กาวมีโอกาสเสื่อมสภาพได้ง่าย และงานสกรีนก็จะหลุดออก
- รีดซ้ำได้ไม่จำกัด ส่วน DTF เมื่อรีดซ้ำไปเลื่อย ๆ กาวก็จะเสื่อมสภาพ รวมถึงการนำไปซักด้วยเครื่องซักที่ใช้น้ำร้อนด้วย
- การดูแลรักษาเครื่องง่ายกว่า และการใช้งานเครื่องที่ง่ายกว่า
อนาคต DTG
จากกระแสระบบการสกรีน DTF ที่ตอบรับเป็นอย่างดีจนทำให้ระบบงานสกรีนแบบดั่งเดิม ( Silk Screen) ค่อยๆ ลดน้อย จนแม้แต่เครื่องพิมพ์สกรีนระบบ DTG ก็ได้รับความนิยมลดน้อยลงไปเลื่อย ๆ ก็จะมีกลุ่มคนที่ต้องการงานคุณภาพจริง ๆ ก็ยังเลือกใช้ DTG อยู่เพราะยังขายงานได้ราคาอยู่
แต่ถ้าสั่งเกตุดูแลนะครับ ว่าแบร์นด ผู้นำตลาดอย่าง Epson , Brother ก็ยังมีสินค้า DTG ออกมาสู่ตลาดเลื่อย ๆ อย่างเอปสันเองก็ออก Epson SureColor F2230 ที่มาพร้อมฟีเจอร์พิมพ์แบบ DTF ได้ หรือแม้ Epson SureColor F3030 ที่ออกแบบให้น้ำหมึกที่มีปริมาณเยอะเพื่อลดต้นทุนให้สามารถต่อกร กับเครืองราคารับพิมพ์ DTF ได้
หรือแม้แต่สินค้าที่กำลังจะมีมาในอนาคตเครื่องพิมพ์สกรีนระบบ DTG ที่มีขนาดเล็กลง A4 เพื่อการใช้งานตามองค์กร บริษัท ห้างร้านที่ใช้พิมพ์สกรีนภาพในองค์กรเอง หรือแม้นำเครื่องไปรับบริการพิมพ์สกรีนนออกสถานที่ได้ เนื่องจากเครื่องมีขนาดที่เล็กลง
จะเห็นได้ว่างานสกรีนในระบบ DTG เองก็ใช้โดยคนใช้งานที่ต้องการผลิตสินค้าตัวอย่างของตัวเอง หน้าร้านที่มีพื้นที่ไม่เยอะ หรือแม้แต่งานพิมพ์สกรีนที่ต้องการคุณภาพที่ดีกว่า และคุณสมบัติที่ดีงานสกรีนทั่ว ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น DTF / Silk Screen / Sublimation / Flex
ถ้าดูตามนี้แล้วงานสกรีนะบบ DTG ก็ยังคงต้องมีต่อไปอีกนาน สำหรับคุณที่ต้องการคุณภาพที่แตกต่าง สำหรับเจ้าของแบร์นด ร้านรับสกรีน(สำหรับขึ้นตัวอย่าง) หน่วยงานองศ์กร ต่าง ๆ
DTG เหมาะกับใครบ้าง
- Designer ตัวทำตัวอย่างสินค้า เพราะ DTG สร้างสรรค์ งานได้อย่างสวยงาม และไม่จำกัดการออกแบบ
- หน้าร้านหรือซ๊อฟขายเสื้อผ้า ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ที่มีพื้นที่ไม่เยอะ
- ออแกไนซ์ ออกบูธ หรืออีเว้น สำหรับทำโปรชั่น หรือทำเสื้อกิจกรรม ทำสินค้าแจกหน้างาน เพื่อเครื่องขนย้ายได้ง่ายกว่าทุกระบบ
- งานพิมพ์ที่ต้องการเทคนิคที่ซ้ำซ้อน เช่น OVP
- ลูกค้าที่ต้องการความปลอดภัยจากสีสกรีน ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้สวมใส่
- เจ้าของแบร์นดสินค้า
เครื่องพิมพ์ซับลิเมชั่นรุ่นอื่น ๆ
Epson SureColor F530 (หน้ากว้าง 24 นิ้ว)
Epson SureColor F531 (หน้ากว้าง 24 นิ้ว หมึก Fluorescent )
Epson SureColor F6330 (หน้ากว้าง 44 นิ้ว )
Epson SureColor F7270 (หน้ากว้าง 64 นิ้ว)
Epson SureColor F9430 (หน้ากว้าง 64 นิ้ว ความเร็วสูง)
Epson SureColor F9430H (หน้ากว้าง 64 นิ้ว ความเร็วสูงหมึก Fluorescent )
Epson SureColor F10030 (หน้ากว้าาง 76 นิ้ว Super Speed)
รับปรึกษาเกี่ยวกับงานพิมพ์ระบบซับลิเมชั่นแบบฟรี ๆ ไม่มีเงื่อนไข
082-781-6866
083-848-9111
Line ID : thaisublimation