เครื่อง DTG ( Digital To Garment) ที่พิมพ์ได้ทุกประเภทผ้า

Digital Screen

 

เครื่อง DTG ( Digital To Garment) ที่พิมพ์ได้ทุกประเภทผ้า

ฟังไม่ผิดหรอกครับเครื่อง DTG ทุกวันนี้สกรีนผ้าได้ทุกประเภทแล้ว

จะว่าไปแล้วถ้าพูดถึงเครื่อง DTG เมื่อ 7-8 ปีที่แล้วก็ถือว่าเป็นดาวดวงใหม่แหล่งวงการสกรีนเลยที่เดียวเนื่องเป็น Digital ไม่ต้องทำบล็อกสกรีน หนึ่งตัว หนึ่งลายก็สกรีนได้เลย ตามคอนเซ็ป ของดิจิตอลปริ้น และที่สำคัญสามารถสกรีนได้หลากหลายสี เพราะไม่ได้ถูกจำกัดเรื่องบล็อกสกรีน ทำให้ดีไชด์เนอร์ออกแบบได้ไม่จำกัด และผลงานที่ได้ออกมาสวยด้วย

ตลอดเวลาที่ผ่าน DTG พัฒนาไปทางด้านใดบ้าง

ประวัติ DTG 7-8 ปีผ่าน

จริงๆ DTG ไม่ได้พึ่งเริ่มมีมาแค่ 7-8 ปีที่ผ่านมา ถ้าย้อนไปก็น่าจะมีมากกว่า 15 ปี ที่มีได้มีเครื่อง Digital to garment เพื่อมาพิมพ์สกรีนลงเสื้อในระบบดิจิตอล ยี่ห้อแรก ๆ ที่ผมได้ยิน และยังพอจำได้ และยังมีจำหน่าย อยู่ก็คือยี่ห้อ Kornit

Kornit Digital To Garment ราคาในสยันนั้นแพงมากน่าจะมี 5 ล้านกว่าบาทในสมัยนั้น ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับวงการสกรีน ราคา 5 ล้านกว่าสำหรับการสกรีนเสื้อยืดได้วันละไม่กี่ตัวต่อ ถือว่าเป็นการลงทุนที่สูงมากเมื่อเทียบกับงานสกรีนแบบดั่งเดิม  https://www.kornit.com/our-impact/

แต่ส่วนใหญ่ในสมัยในก็ถือว่าเป็นเครื่องสกรีนที่ดีมาก นำมาผลิตสินค้าตัวต้นแบบก่อนผลิตจริง จริง ๆ  ซึ่งก็ช่วยลดระยะเวลาก็ออกสินค้าไปได้เยอะมาก พูดอีกมุมหนึ่งก็คือ ใช้งานได้น้อย พอใช้งานน้อย โอกาสเจอปัญหาของหัวพิมพ์อุดตันบ่อย

และที่สำคัญคือหัวพิมพ์แพงมาก หลักหลายแสน และราคาหมึกพิมพ์สกรีนก็แพงมาก ทำให้คนที่เลือก ลงระบบ DTG ในช่วงนั้นถือว่า เหนื่อย ไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว

หลังจากนั้นก็มี DTG ยี่ห้ออื่นตามมา ไม่ว่าจะเป็น Brother เครื่อง China (Modifier) Richo , AnaJet , R-Jet ,Epson , Roland , (ข้อมูลสินค้าดังกล่าวจากการที่มีในจำหน่ายในไทย)  ปัจจุบันก็ ณ วันนี้ที่ยังมีจำหน่ายก็มี Brother และ Epson ที่เป็นผู้เล่นหลัก และยังมีจำหน่ายอยู่พอสมควร  ดังนั้นผมจะขอกล่าวถึงแค่สองยี่ห้อ คือ Epson และ Brother เป็นหลักก็แล้วกัน

Brother https://global.brother/th/digest/history อันที่จริงแล้ว Brother ริเริ่มผลิตเครื่อง DTG เป็นรายแรก ๆ ในช่วงเริ่มต้นของตลาด Digital to garment เช่นเดียวกันกะ Kornit ซึ่ง Brother GT541 ก็ถึงว่าเป็นรุ่นแรก ก็มีการพัฒนาสินค้าต่อเนื่อง มาเป็นตระกูล GT3 ที่สามารถพิมพ์หมึกขาว ที่ลงบนผ้าดำได้

DTG Brother GT3

หลักจากที่ GT3 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ก็เพิ่มขี้นความสามารถมาเป็น GTX และ GTX-Pro ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหัวพิมพ์แยกออกมาระหว่างหัวพิมพ์ขาว และหัวพิมพ์สีออกจากกัน เพื่อเพิ่มความเร็วในการพิมพ์ และยังช่วยให้หัวพิมพ์ที่มีปัญหามากสุดคือสีขาวสามารถเปลี่ยนเฉพาะหัวที่มีปัญหาออกไปได้ทันที

Brother GTX PRO

หลักจากนั้นก็มีอัพดกรด ตัวเครื่องให้สามารถใส่น้ำหมึกได้เยอะขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิตในกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสกรีนเสื้อในปริมาณที่เยอะ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับกลุ่มสกรีนระบบเดิม มาเป็นรุ่น GTX-Pro Bulk Ink ซึ่งตอบโจทย์มากเพราะต้นทุนการสกรีนต่อตัวถูกลงมาก

Brother GTX600

หลังจากที่ตลาด DTG เริ่มมีความสนใจจากผู้ประกอบการ เป็นอย่างมากเพราะต้นทุนน้ำหมึกก็ถูกมาก และราคาเครื่องก็ไม่แพงเหมือนเมื่อก่อน และการทำงานก็ง่าย และการซ่อมเชอร์วิสก็ไม่ยาก เรียกได้ว่าสะดวกมากๆ เลย ทาง Brother ก็ได้มีการเปิดตัว DTG ที่มีขนาดหน้ากว้างของงานพิมพ์ที่ใหญ่ถึง 61×61 เซนติเมตร ซึ่งตอบโจรย์การสกรีบแบบ OVP เป็นอย่างมาก

Epson SureColor F2000 ถือว่าเป็นรุ่นแรกสำหรับ DTG จากค่ายเอปสัน ด้วยราคาเปิดตัวมากเกือบ 1.2 ล้านเป็น DTG มีขนาดการพิมพ์สกรีน 16×20 นิ้วมาพร้อมน้ำหมึกขาวสกรีนได้ทั้งเสื้อขาว และเสื้อสีเข้มเป็นจนถึงเสื้อสีดำ เน้นการทำงานที่ง่าย User Friendly มาก ๆ

Epson SureColor F2000

สกรีนได้สวยมาก ๆ เอปสันยังได้ออกน้ำยาสำหรับสกรีนผ้าที่สีเข้ม หรือผ้าสีดำมาด้วย ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก ณ ตอนนั้น เพราะราคาไม่แพง ใช้งานได้เป็นอย่างดี

หลังเปิดตัวเครื่อง DTG F2130 ไปไม่นาน ก็ได้รับความนิยมมากพอสมควร เนื่องราคาเครื่องที่ไม่แพงในราคาเพียง 599,000 ในตอนนั้นถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพงมีเทียบกับยี่ห้อ แต่กระแสเรื่องต้นทุนการพิมพ์ที่ยังสูงอยู่เมื่อเทียบกับงานสกรีน เอปสันก็ได้เปิดตัวเครื่อง F3030 เป็น DTG ที่มีหัวพิมพ์ใหม่ และใช้หัวพิมพ์สองหัวแยก หัวพิมพ์สีขาว และหัวพิมพ์สี แยกเปลี่ยนได้

Epson SureColor F2130

ที่สำคัญสำหรับเครื่อง DTG Epson SureColor F3030 ยังออกแบบให้หัวพิมพ์นั้น ลูกค้าสามารถถอดเปลี่ยนหัวพิมพ์ได้เอง โดยไม่ต้องให้ช่างเข้าไปทำการเปลี่ยนให้ ซึ่งสะดวกมาก  นอกจากนั้นยังมีหัวพิมพ์สำรองมาให้ด้วย รอเปลี่ยนได้ทันที ทันใจ ได้เลย

Epson SureColor F3030

และเครื่องตัวนี้ยังมาพร้อมความเร็วสูง เพราะเป็นหัวพิมพ์ตัวใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม และอีกประการหนึ่งคือ มาพร้อมความจุน้ำหมึกที่มากขึ้นกว่าเดิมคือ 1.5 ลิตร ทำให้ราคาต้นทุนในการพิมพ์นั้นถูกลงกว่าเดิมกว่าเท่าตัว  จึ่งตอบโจทย์สำหรับงานพิมพ์ในอุตสาหกรรม Digital To Garment

หลังจากนั้นไม่นานทางเอปสันก็ได้มีเปิดตัวเครื่อง DTG ตัวใหม่ที่สามารถพิมพ์ได้ทุกประเภทผ้า นั้นคือเครื่อง Epson SureColor F2230  มันทำงานอย่างไรมาดูกัน

Epson SureColor F2230

1.การพิมพ์ผ้าคอตตอน 100% (Cotton 100%) หรือผ้าเส้นใยธรรมชาติ

โดยปกติแล้ว DTG ( Direct To Garment ) แรกเริ่มถูกออกแบบมาให้สกรีนผ้า Cotton 100% อยู่เนื่องจากสมัยจะเฉพาะเส้นใยธรรมชาติเท่านั้น ก่อนน่าจะมีเส้นใยสังเคราะ  แต่การพิมพ์สกรีนผ้า Cotton 100 นั้นในระบบการพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ Ink Jet จะใช้น้ำหมึก

Pigment ที่มีคุณสมบัติไม่ละลายน้ำ มีความคงทน สีไม่ซีดจาก โดยอาสัยการยึดติดอยู่บนเส้นด้าย ด้วยความว่าน้ำหมึกเป็นของเหลว จึงสามารถนำพาเข้าไปอยู่บนเส้นด้ายเป็นอย่างดี และฟิกน้ำด้วยความร้อน

ด้วยน้ำหมึกแทรกซึมไปที่เส้นด้าย จึ่งทำให้ผิวสัมพัสไม่แข็งกระด่าง หรืองานสกรีนลงผ้าทั่วไป  แต่ถ้าเรานำไปพิมพ์สกรีนลงบนเสื้อสีดำ จำเป็นต้องหมึกขาวก่อนเนื่องต้องการให้สีไม่จมลงผ้าจะทำให้สีที่พิมพ์ไม่มีรายละเอียด

หรือมองไม่เห็นสีเพราะผ้าสีดำนั้นเข้มกว่า การลงน้ำหมึกสีขาวลงไปก่อนก็จะทำให้งานพิมพ์สกรีน เห็นภาพและสีที่เราต้องการ

แต่การลงหมึกขาวไปที่ผ้า Cotton 100% ก่อนนั้นมีความจำเป็นต้อง มีน้ำยาเพื่อให้น้ำหมึกสีขาวเกาะติดก่อนเสมอ (Pre Treatment Liquid)  เพราะถ้าพิมพ์หมึกลงไปตรง ๆ ผ้าจะไม่สามารถรองรับหมึกขาวได้ อาจจะมีการหลุดร่อนออกมา หลังจากนำไปใช้งาน

หรือไม่ก็ในระหว่างตอนพิมพ์สกรีนอาจจะน้ำหมึกขาวที่เป็นของเหลวไหลไปตามเส้นใยของผ้า ทำให้งานออกมาไม่สวยงาม

การลงน้ำยา Pre Treatment นั้นต้องมีขั้นตอนการผสมใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ประเภทที่ใช้งาน อาจจะต้องทดสอบเพื่อหาจุดที่เหมาะสมต้องการพิมพ์

2. การพิมพ์ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% (Polyester 100%) หรือผ้าเส้นใยสังเคราะ

การพิมพ์ผ้าโพลีเอสเตอร์ด้วยเครื่อง DTG Epson SureColor F2230 นั้น สามารถทำได้เนื่องจากทางเอปสันเองนั้นได้มีการพัฒนาน้ำยาสำหรับเคลือบผ้าโพลีเอสก็สามารถพิมพ์ได้ปกติ โดยขั้นตอนการพิมพ์นั้นไม่ได้มีความแต่ต่างจากการพิมพ์สกรีนลงบน Cotton 100 แต่อย่างไร ต่างกันที่น้ำยาที่ใช้เคลือบผ้านั้นคนละตัว กันโดยใช้หมึกเดิม เครื่องเดิม

การสกรีนผ้าโพลีเอสเตอร์ 100 % สามารถสกรีนได้ทั้งผ้าขาว หรือผ้าสีเข้ม ผ้าดำ เหมือนกันกับผ้า Cotton 100 แต่จะต่างกันกับสัดส่วนการผสมน้ำยาในเคลือบ และความร้อน และระยะเวลาในการ Fix ความร้อน

จะพูดง่ายคือหมึก pigment ของเอปสันก็สามารถพิมพ์สกรีนได้ทุกประเภทผ้า เลยทีเดียว

3. การพิมพ์ผ้าผสมระหว่าง คอตตอน และ ผ้าโพลีเอสเตอร์

เนื่องผ้าที่มีจำหน่าย และใช้ในท้องตลาดนั้นมีความหลากหลายประเภทแล้วแต่วัตถุของการนำไปใช้งาน อาจจะมีการผสมกับระหว่างเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะ เพื่อให้ได้คุณสมบัติเด่น ๆ และแตกต่างกันออกไป เรามีวิธีการเลือกสกรีนผ้าง่าย ๆ สองวิธีหลัก

  1. ถ้าผ้าที่ผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ มากกว่า เส้นใยสังเคราะ ให้เลือกน้ำยาสำหรับเคลือบผ้าที่เป็น Cotton Base
  2. ถ้าผ้าที่ผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ น้อยกว่า เส้นใยสังเคราะ ให้เลือกน้ำยาสำหรับเคลือบผ้าที่เป็น Polyester Base
  3. ถ้าเป็นการผสมสัดส่วนที่เท่ากัน 50/50 ให้เลือกเป็น Cotton Base

4.การพิมพ์วัสดุอื่น ๆ รวมถึงการพิมพ์ผ้าทุกประเภท

DTG Epson พิมพ์ได้ทุกประเภทผ้าจริงเหรอ?  ตอบ : ใช่ครับ

ทำได้อย่างไร จากข้างต้นที่ผมได้อธิบายไปว่า Epson SureColor F2230 สามารถพิมพ์สกรีนได้ทั้งผ้า Cotton 100%  และ ผ้า Polyester 100% รวมไปถึงผ้าผสมด้วย  โดยการพิมพ์สกรีนไปที่ผ้าโดยตรงได้เลย

แต่ยังมีอีก ฟีเจอร์ หนึ่งที่มาพร้อมเครื่อง Epson SureColor F2230 คือ DTF ก็คือการพิมพ์สกรีนลงบนแผ่นฟิล์มก่อน (กลับโหมดการพิมพ์) แล้วนำแผ่นฟิล์มนั้นไป Transfer ลงบนวัสดุอื่น หรือผ้าอื่น ๆ ได้โดยการรีดร้อน โดยมีเงื่อนไขว่าผ้าและวัสดุนั้น ๆ ต้องทนความร้อนได้ถึง 150 -170 องศา เท่านั้น

หลักการทำงานของมัน คือ : แทนที่จะพิมพ์สกรีนลงไปที่ผ้าโดยตรง ก็พิมพ์สกรีนลงไปที่แผ่นฟิล์มเลย แต่จะเป็นพิมพ์สีลงไปก่อน แล้วค่อยพิมพ์ขาวตาม ( ถ้าเป็นระบบ DTG จะพิมพ์ขาวรองพื้นก่อนค่อยพิมพ์สีตาม) หลังจากที่พิมพ์ขาวเสร็จแล้วก็นำแผ่นฟิล์ม ไปทำการเคลือบกาว(กาวผง) เสร็จแล้วก็อบกาวให้แห้งติดกับแผ่นฟิล์ม ก็จะได้แผ่นฟิล์ม DTF ( Digital To Film) กฃ

เมื่อได้แผ่นฟิล์มแล้ว ก็สามารถนำแผ่นฟิล์มไปทรานเฟอร์ลงบนผ้าหรือวัสดุ ต่าง ๆ ได้เลย

DTG เมื่อเทียบกับ DTF

ตอนนี้กระแสที่มาแรงคงหนีไม่พ้น  DTF หรือ DFT ( การพิมพ์สกรีนบนแผ่นฟิล์มแล้วไปทรานเฟอร์ลงบนวัสดุต่าง) เนื่องจากเป็นงาน Digital ที่สามารถทำเหมือน DTG ทุกอย่าง แต่ความสะดวกคือไม่ต้องพิมพ์ลงบนก่อน  ลดความเสียจากกาพิมพ์ลงผ้าโดยตรง นำแผ่นฟิล์มไปสกรีนลงอะไรก็ได้ และส่งแผ่นฟิล์มไปที่ใดก็ได้ ความคมชัดค่อนข้างดี

การที่ DTF ออกมาในตลาดก็ทำให้วงการสกรีนแบบดั่งเดิม ( Block Screen / Silk Screen) ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะ การทำงานที่รวดเร็วกว่า ใช้พื้นที่น้อยกว่า ใช้คนงานน้อย สีก็สวยกว่า ไม่มีข้อจำกัดเรื่องของจำนวนสี

DTG vs DTF ถ้าไม่พูดถึงต้นทุนของทั้งสองระบบแล้ว DTG ก็ยังได้เปรียบ DTF อยุ่พอสมควร มีอะไรบ้างไปดูก่อน

  1. การพิมพ์ไล่โทน Gradian ตามขอบ หรือพิมพ์ให้ฟุ้งตามระบบได้ดีกว่า ยกตัวการพิมพ์สกรีนควันไฟ ลงบนผ้า DTG จะทำได้ดีกว่า เพราะสามารถใช้หมึกขาวพิมพ์ตรงไปที่ และหมึกก็สามารถยึดที่ผ้าได้เลย พิมพ์จางน้ำหมึกก็ติดจาง ๆ จะแตกต่างจาก DTF จะพิมพ์ขาวจาง ๆ ไม่ได้ เพราะการยึดต้องใช้กาว ถ้าลงสีขาวจาง ก็คือพิมพ์ไม่ติด
  2. งานพิมพ์สกรีนมีความนุ่มกว่า ผิวสัมผัส จะรู้สึกดีกว่า ไม่แข็งกระด้างเวลาสวมใส่ จะแตกต่างจากงาน DTF เวลาสวมใส่อาจจะรู้สึกว่า ใส่ไม่สบาย อากาศไม่ถ่ายเท
  3. เครื่อง DTG มีขนาดไม่ใหญ่ ประหยัดพื้นที
  4. ด้วย DTG ที่มีฟีเจอร์พิมพ์ DTF ได้นั้น จะมีความคนชัดกว่า เพราะไม่ต้องใช้การฟีดกระดาษแบบเครื่อง DTF ขาวก็จะไม่เหลื่อม
  5. ขั้นตอนน้อยกว่า
  6. ความคงทน หรืออายุการใช้งานนานกว่า เพราะเป็นการพิมพ์สกรีนลงผ้าโดยตรง และเป็นการที่น้ำหมึกยึดกับผ้าโดยตรง ซึ่งแตกต่าง ๆ จาก DTF คือ ใช้งานกาวยาวยึดติดกับผ้าเมื่อใช้งานไปนาน กาวมีโอกาสเสื่อมสภาพได้ง่าย และงานสกรีนก็จะหลุดออก
  7. รีดซ้ำได้ไม่จำกัด ส่วน DTF เมื่อรีดซ้ำไปเลื่อย ๆ กาวก็จะเสื่อมสภาพ รวมถึงการนำไปซักด้วยเครื่องซักที่ใช้น้ำร้อนด้วย
  8. การดูแลรักษาเครื่องง่ายกว่า และการใช้งานเครื่องที่ง่ายกว่า

อนาคต DTG

จากกระแสระบบการสกรีน DTF ที่ตอบรับเป็นอย่างดีจนทำให้ระบบงานสกรีนแบบดั่งเดิม ( Silk Screen) ค่อยๆ ลดน้อย จนแม้แต่เครื่องพิมพ์สกรีนระบบ DTG ก็ได้รับความนิยมลดน้อยลงไปเลื่อย ๆ ก็จะมีกลุ่มคนที่ต้องการงานคุณภาพจริง ๆ ก็ยังเลือกใช้ DTG อยู่เพราะยังขายงานได้ราคาอยู่

แต่ถ้าสั่งเกตุดูแลนะครับ ว่าแบร์นด ผู้นำตลาดอย่าง Epson , Brother ก็ยังมีสินค้า DTG ออกมาสู่ตลาดเลื่อย  ๆ อย่างเอปสันเองก็ออก Epson SureColor F2230 ที่มาพร้อมฟีเจอร์พิมพ์แบบ DTF ได้ หรือแม้ Epson SureColor F3030 ที่ออกแบบให้น้ำหมึกที่มีปริมาณเยอะเพื่อลดต้นทุนให้สามารถต่อกร กับเครืองราคารับพิมพ์ DTF ได้

หรือแม้แต่สินค้าที่กำลังจะมีมาในอนาคตเครื่องพิมพ์สกรีนระบบ DTG ที่มีขนาดเล็กลง A4 เพื่อการใช้งานตามองค์กร บริษัท ห้างร้านที่ใช้พิมพ์สกรีนภาพในองค์กรเอง หรือแม้นำเครื่องไปรับบริการพิมพ์สกรีนนออกสถานที่ได้ เนื่องจากเครื่องมีขนาดที่เล็กลง

จะเห็นได้ว่างานสกรีนในระบบ DTG เองก็ใช้โดยคนใช้งานที่ต้องการผลิตสินค้าตัวอย่างของตัวเอง หน้าร้านที่มีพื้นที่ไม่เยอะ หรือแม้แต่งานพิมพ์สกรีนที่ต้องการคุณภาพที่ดีกว่า และคุณสมบัติที่ดีงานสกรีนทั่ว ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น DTF / Silk Screen / Sublimation / Flex

ถ้าดูตามนี้แล้วงานสกรีนะบบ DTG ก็ยังคงต้องมีต่อไปอีกนาน สำหรับคุณที่ต้องการคุณภาพที่แตกต่าง สำหรับเจ้าของแบร์นด ร้านรับสกรีน(สำหรับขึ้นตัวอย่าง) หน่วยงานองศ์กร  ต่าง ๆ

DTG เหมาะกับใครบ้าง

  • Designer ตัวทำตัวอย่างสินค้า เพราะ DTG สร้างสรรค์ งานได้อย่างสวยงาม และไม่จำกัดการออกแบบ
  • หน้าร้านหรือซ๊อฟขายเสื้อผ้า ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ที่มีพื้นที่ไม่เยอะ
  • ออแกไนซ์ ออกบูธ หรืออีเว้น สำหรับทำโปรชั่น หรือทำเสื้อกิจกรรม ทำสินค้าแจกหน้างาน เพื่อเครื่องขนย้ายได้ง่ายกว่าทุกระบบ
  • งานพิมพ์ที่ต้องการเทคนิคที่ซ้ำซ้อน เช่น OVP
  • ลูกค้าที่ต้องการความปลอดภัยจากสีสกรีน ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้สวมใส่
  • เจ้าของแบร์นดสินค้า

เครื่องพิมพ์ซับลิเมชั่นรุ่นอื่น ๆ

Epson SureColor F130 (A4)

Epson SureColor F530 (หน้ากว้าง 24 นิ้ว)

Epson SureColor F531 (หน้ากว้าง 24 นิ้ว หมึก Fluorescent )

Epson SureColor F6330 (หน้ากว้าง 44 นิ้ว )

Epson SureColor F7270 (หน้ากว้าง 64 นิ้ว)

Epson SureColor F9430 (หน้ากว้าง 64 นิ้ว ความเร็วสูง)

Epson SureColor F9430H (หน้ากว้าง 64 นิ้ว ความเร็วสูงหมึก Fluorescent )

Epson SureColor F10030 (หน้ากว้าาง 76 นิ้ว Super Speed)

รับปรึกษาเกี่ยวกับงานพิมพ์ระบบซับลิเมชั่นแบบฟรี ๆ ไม่มีเงื่อนไข

082-781-6866

083-848-9111 

Line ID : thaisublimation

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *